สัญลักษณ์หยิน – หยาง
หยิน คือ ส่วนที่เป็นสีดำ มีหยาง คือ สีขาวอยู่ที่ส่วนหัว และหยาง คือ รูปสีขาว มีหยิน คือ จุดกลมสีดำอยู่ที่ส่วนหัว
หยินหยางคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นตัวแทนแห่งสัจธรรมของโลก หยินแสดงถึงสภาพการคงที่เปรียบเสมือนดิน
หยางแสดงถึงสภาพการเคลื่อนไหวเปรียบเสมือนน้ำ เมื่อการคงที่ปะทะการเคลื่อนไหวดังเช่นดินปะทะน้ำ
จะบังเกิดผลลัพธ์ซึ่งเป็นพลังอันมหัศจรรย์ของโลก และเป็นความลับแห่งจักรวาล พลังเหล่านั้นน้อยคนนักที่มีโอกาสได้สัมผัสอย่างแท้จริง…
หยิน-หยาง หรือกฏแห่งความสมดุลของธรรมชาติ เป็นปรัชญาของลัทธิเต๋าที่เชื่อว่าสรรพสิ่งบนโลกใบนี้จะต้องมีสิ่งคู่กันเสมอ
มีมืดก็ต้องมีสว่าง มีร้อนก็ต้องมีเย็น มีผู้หญิงก็ต้องมีผู้ชาย หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป หรือมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากหรือน้อยเกินไป
ก็จะเกิดภาวะไม่สมดุลซึ่งจะนำหายนะมาให้
หยิน-เป็นตัวแทนของความมืดมิด ไม่เคลื่อนไหว อ่อนล้า เศร้าโศก ตวามตาย ความหนาวเย็น ผู้หญิง
หยาง-เป็นตัวแทนของความกระตือรือร้น พลังงาน แสงสว่าง ผู้ชาย การเกิด การเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดนิ่ง
1. ความเป็นวัฎจักรที่หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปอย่างเป็นระบบ เช่น การเกิดขึ้นของกลางวันและกลางคืน การหมุนเวียนเปลี่ยนไปของฤดูกาล
ทำให้เกิดสภาพอากาศที่หลากหลายกันออกไปในแต่ละปี
2. มีการเกิดและดับตลอดเวลาเช่นความสว่างไสว และความมืดของพระจันทร์ทำให้เกิดข้างขึ้นข้างแรม
3. ความเป็นเอกภาพเดียวกันแม้นว่าเราจะเห็นว่า ธรรมชาติที่ปรากฎแก่ตามีความหลากหลายนับไม่ถ้วน
ผู้ที่มีความสามารถมักจะไม่ถกเถียงกันด้วยเรื่องต่างๆ การทะเลาะถกเถียงกันแสดงถึงการไร้สมรรถภาพ
ลัทธิเต๋ากับเหลาจื่อ(เล่าจื๊อ) เล่าจื๊อ สอนไว้ดังนี้
การปกครองเปรียบเหมือนต้มปลาตัวเล็ก ไม่ต้องคนบ่อยเพราะปลาจะแหลก การปกครองที่ดีต้องทำให้ผู้ถูกปกครองไม่รู้ว่าถูกปกครอง
และการปกครองที่แย่ที่สุดคือการปกครองที่ผู้ถูกปกครองรังเกียจ กฎและข้อบังคับมีมากเกินไปทำให้การปกครองเดินไปข้างหน้าสะดุด
นักปกครองที่ฉลาดไม่เคยสิ้นหวังจากคนโง่ เพราะรู้วิธีที่จะให้การศึกษาแก่คนเหล่านั้น ไม่มีสิ่งไดไร้ประโยชน์เพราะรู้วิธีหาประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้น
เป็นผู้ใหญ่มีอำนาจต้องถ่อมตนจะชนะใจผู้น้อย เมื่อผู้น้อยถ่อมตนจะได้รับการโอบอุ้มจากผู้ใหญ่ คำพูดที่จริงใจอาจจะไม่ไพเราะ คำพูดไพเราะอาจไม่จริงใจ
ผู้ที่รู้ไม่พูดมาก ผู้ที่พูดมากไม่รู้
จิตใจที่สงบและอดทนเป็นพื้นฐานแห่งชีวิตที่เป็นสุข จงหยุดดีกว่าเติมน้ำจนล้นถ้วย จงอย่าภูมิใจจนเกินไปมิฉะนั้นจะไม่มีสิ่งใดให้ภูมิใจ
จงอย่าแหลมคมจนเกินไปมิฉะนั้นจะเสียคม บ้านเมืองที่เต็มไปด้วยทองคำยากจะปลอดภัย บุคคลที่โอ้อวดความมั่งคั่งเป็นบุคคลที่เชื้อเชิญหายนะให้มาเยือน ชื่อเสียงกับชีวิตอย่างไหนมีค่ามากกว่ากัน สุขภาพหรือสมบัติสิ่งไหนสำคัญต่อท่านมากกว่า
หากท่านรักชื่อเสียงมากเกินไป ท่านจะต้องจ่ายในราคาแพง
หากท่านครอบครองสมบัติมากเกินไปท่านจะสูญเสียอย่างหนักในวันหนึ่ง
หากท่านไม่รู้จักหยุดตรงไหนท่านจะประสบอันตราย
และหากท่านรู้จักพอถอนตัวในเวลาอันเหมาะสมท่านจะมีชีวิตอยู่ยาวนาน
นี่คือวิถีแห่งสวรรค์
ทฤษฎีความเป็นมนุษย์บัญญัติไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ความพอดี พอใจ มนุษย์เกิดมาเพื่อหาความสุข เกิดมาตั้งอยู่แล้วดับไป แล้วจะเอาอะไรมากมายกับชีวิต ถามตัวเองหรือยังว่ามีความพอใจกับความสุขที่เป็นอยู่หรือยัง
เต๋า ก็คือสภาวะที่ไม่มี แต่คือบ่อเกิดของทุกสิ่ง เป็นจุดแจ้งแห่งปัญญาทั้งปวง เป็นเอกภาพของการเกิดและการดับ ไม่มีจุดกำเนิด ไม่มีจุดจบ แม้ทุกสิ่งมลาย แต่เต๋าก็ยังคงอยู่ในความไม่อยู่
หยิน คือ สภาวะลบ ความมืด สีดำ ความเปลี่ยนแปลง ฯลฯ
หยาง คือ สภาวะบวก ความสว่าง สีขาว และคงอยู่ ฯลฯ
เต๋าเต๋อจิง ได้กล่าวถึงเต๋าว่า
"เต๋าที่อธิบายได้มิใช่เต๋าอันอมตะ ชื่อที่ตั้งให้กันได้ก็มิใช่ชื่ออันสูงส่ง เต๋านั้นมิอาจอธิบายและมิอาจตั้งชื่อ เมื่อไร้ชื่อ ทำฉันใดจักให้ผู้อื่นรู้
ข้าพเจ้าขอเรียกสิ่งนั้นว่า "เต๋า" ไปพลาง ๆ บ่อเกิดนั้นสุดแสนลึกล้ำ ความลึกล้ำสุดแสนนั้น คือประตูที่เปิดไปสู่ความรู้แจ้งแห่งสรรพชีวิต"
มีบางสิ่งบางอย่างมืดมัวเคลือบคลุม เงียบงันโดดเดี่ยว อยู่เพียงลำพัง ไม่แปรเปลี่ยน เป็นอมตะหมุนเวียนไม่หยุดยั้ง มีค่าควรแก่การเป็นมารดาของสรรพสิ่ง ข้าพเจ้าไม่ทราบชื่อสิ่งนั้น แต่ถ้าถูกบังคับให้เรียก ก็จะเรียกว่า "เต๋า" และจะให้ชื่อว่า "ยิ่งใหญ่"
ฟ้าจึงยิ่งใหญ่ ดินจึงยิ่งใหญ่ ปราชญ์จึงยิ่งใหญ่ นี่คือความยิ่งใหญ่สี่ชนิดในจักรวาล และปราชญ์ก็นับเป็นหนึ่งในนั้น คนทำตามกฎแห่งดิน
ดินทำตามกฎแห่งฟ้า ฟ้าทำตามกฎแห่งเต๋า เต๋าคงอยู่และเป็นไปด้วยตนเอง"
และนี่คือนิพพานแห่งเต๋า และมรรควิธีที่จะนำตนสู่เต๋าได้นั้น คือการเข้าสู่สภาวะที่ไม่มี สภาวะที่เกิดก่อนความยินดี และความไม่ยินดี สภาวะที่เกิดก่อนความโกรธ และความรัก เล่าจื๊อเชื่อว่า เต๋า มิสามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผล แต่เข้าถึงได้ด้วยการบำเพ็ญตน ใช้ชีวิตเรียบง่าย เพื่อสร้างจิตใจอันบริสุทธ์

ขอบคุณข้อมูลจากเวป http://www.freeforum101.com
ขอบคุณสำหรับบทความ
ขอบคุณค่ะ
อะนส
?????
ขอบคุณนะคะสำหรับความรู้^^
“รักษาดวงวิญญาณให้พ้นจากความมัวหมอง ทำจิตให้แน่วนิ่งเป็นหนึ่งเดียวได้หรือไม่ หายใจอย่างละเอียดอ่อนแผ่วเบา เหมือนลมหลายใจของเด็กอ่อนได้หรือไม่ ชำระล้างญาณทัศนะให้หายมืดมัว จนอาจแลเห็นกระจ่างชัดได้หรือไม่ มีความรักและปกครองอาณาจักร โดยไม่เข้าไปบังคับบัญชาได้หรือไม่ ติดต่อรับรู้ และเผชิญทุกข์สุข ด้วยความสงบนิ่งไม่ทุกข์ร้อนได้หรือไม่ แสวงหาความรู้แจ้ง เพื่อละทิ้งอวิชชา ได้หรือไม่ ให้กำเนิด ให้การบำรุงเลี้ยง ให้กำเนิด แต่มิได้ถือตนเป็นเจ้าของ กระทำกิจ แต่มิได้ยกย่องตนเอง เป็นผู้นำในหมู่ตน แต่มิได้เข้าไปบงการ เหล่านี้คือคุณความดีอันลึกล้ำยิ่ง”
“รักษาดวงวิญญาณให้พ้นจากความมัวหมอง ทำจิตให้แน่วนิ่งเป็นหนึ่งเดียวได้หรือไม่ หายใจอย่างละเอียดอ่อนแผ่วเบา เหมือนลมหลายใจของเด็กอ่อนได้หรือไม่ เหล่านี้คือคุณความดีอันลึกล้ำยิ่ง”
ขอบคุณมากๆคะเยี่ยมอนุโมทนาสาธุ.